โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme: UNEP)

4830 5 ก.ค. 2566

โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ(United Nations Environment Programme: UNEP) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ก่อตั้งขึ้นจากมติที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ (United Nations Conference on the Human Environment) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน เพื่อติดตามสถานการณ์และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของโลกให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือประเทศ ในการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยมีคณะมนตรีประศาสน์การของ UNEP (UNEP Governing Council: UNEP GC) เป็นกลไกในการประชุมของประเทศสมาชิกเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานของ UNEP

 

ต่อมาที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (United Nations Conference on Sustainable Development: UNCSD) ณ กรุงริโอเดอจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) หรือ Rio+20 ได้เห็นชอบให้มีการเสริมสร้างความเข้มแข็งของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ในฐานะที่เป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก โดยย่อหน้าที่ 88 ของเอกสาร “The Future We Want” ระบุเสริมสร้างความแข็งแกร่งและยกระดับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติในรูปแบบ ดังต่อไปนี้

 

  • ให้จัดตั้งสมาชิกภาพสากลในคณะมนตรีประศาสน์การของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติรวมทั้งให้มีมาตรการต่าง ๆ ที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการบริหารจัดการองค์กรรวมทั้งให้มีการตอบรับและความรับผิดชอบต่อรัฐสมาชิก
  • ให้มีแหล่งเงินทุนที่มั่นคง มีเสถียรภาพ เพียงพอ และเพิ่มขึ้นจากงบประมาณปกติของสหประชาชาติและเงินบริจาคโดยสมัครใจเพื่อที่จะทำตามอาณัติ
  • ให้เพิ่มการมีสิทธิมีเสียงและความสามารถของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติในการดำเนินการตามอาณัติภายใต้ระบบสหประชาชาติ โดยสร้างความแข็งแกร่งให้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติในการทำงานร่วมกันกับคณะกรรมการด้านการประสานงานของสหประชาชาติที่สำคัญ และให้อำนาจแก่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติเพื่อที่จะเป็นผู้นำในความพยายามที่จะจัดทำยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของระบบสหประชาชาติทั้งระบบ
  • ให้ส่งเสริมความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์และนโยบาย โดยต่อยอดจากความร่วมมือระหว่างประเทศ การประเมินผลคณะกรรมการและเครือข่ายข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงรายงานสภาวะแวดล้อมโลก ในฐานะแนวทางหนึ่งที่มุ่งนำข้อมูลและการประเมินผลมาใช้ประกอบการตัดสินใจบนพื้นฐานความรู้
  • ให้เผยแพร่และแบ่งปันข้อมูลสิ่งแวดล้อมที่พิสูจน์ได้และเพิ่มความตระหนักของสาธารณชนในประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญและที่กำลังเกิดขึ้น
  • ให้ดำเนินการเสริมสร้างขีดความสามารถแก่ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้
  • ให้รวบรวมการดำเนินการต่าง ๆของสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่กรุงไนโรบี อย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมทั้งสร้างความแข็งแกร่งแก่สำนักงานภูมิภาคเพื่อช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ เมื่อได้รับการร้องขอในการดำเนินงานตามนโยบายสิ่งแวดล้อมของแต่ละประเทศ ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานภายใต้ระบบสหประชาชาติอื่น
  • ให้รักษาไว้ซึ่งการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยยึดแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดและรูปแบบการดำเนินงานจากสถาบันระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และศึกษากลไกใหม่ที่จะส่งเสริมความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคมที่เกิดผลต่อมาที่ประชุมคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme Governing Council: UNEP GC) สมัยสามัญ สมัยที่ 27 เมื่อปีพ.ศ. 2556 มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อคณะมนตรีประศาสน์การโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติเป็นการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ(United Nations Environment Assembly: UNEA) และถือเป็นการประชุมครั้งแรกภายหลังการปรับเปลี่ยนองค์กรของ UNEP ตามผลการประชุม RIO+20 ปัจจุบัน UNEP จึงมีสมาชิกภาพเป็นสากล (Universal Membership)และการประชุม UNEA จัดขึ้นทุก 2 ปี ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา โดยระหว่างปีของการประชุมได้มีการกำหนดให้แต่ละภูมิภาคมีการประชุมหารือเพื่อนำประเด็นปัญหา สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในภูมิภาค มาหารือร่วมกัน และเสนอความเห็นของแต่ละภูมิภาค ต่อที่ประชุม UNEA
  •  

พันธกิจ (Mission)

UNEP เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริมภาวะผู้นำและการผนึกกำลังของพันธมิตรในการดูแลสิ่งแวดล้อม ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้และเสริมสร้างศักยภาพของประเทศและประชาชนในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยไม่ส่งผลกระทบต่อลูกหลานในภายภาคหน้า “To provide leadership and encourage partnership in caring for the environment by inspiring, informing, and enabling nations and peoples to improve their quality of life without compromising that of future generations.”

อำนาจหน้าที่ (Authority)

UNEP มีอำนาจหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการวางยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกและสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในทุกระดับทั้งระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับโลก “The leading global environmental authority that sets the Global environmental agenda, promotes the coherent implementation of the environmental dimension of sustainable development within the United Nations system and serves as an authoritative advocate for the global environment.”

ทิศทางการดำเนินงาน (Work Encompasses)

ประเมินสถานะและแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับโลกระดับภูมิภาคและระดับประเทศพัฒนาเครื่องมือด้านสิ่งแวดล้อมทั้งระดับระหว่างประเทศและภายในประเทศและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันเพื่อให้มีการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างชาญฉลาด “Assessing global, regional and national environmental conditions and trends; developing international and national environmental instruments; and strengthening institutions for the wise management of the environment.”

 

หน่วยงานระดับภูมิภาค (Regional Office) 6 แห่งทั่วโลก ได้แก่

  • สำนักงานภูมิภาคแอฟริกา ตั้งอยู่ ณ กรุงไนโรบีสาธารณรัฐเคนยา     

  • สำนักงานภูมิภาคยุโรป ตั้งอยู่ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

  • สำนักงานภูมิภาคลาตินอเมริกาและคาริบเบียน ตั้งอยู่ ณ กรุงปานามา สาธารณรัฐปานามา      

  • สำนักงานภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งอยู่ ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา  

  • สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันตกตั้งอยู่ ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน

  • สำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ตั้งอยู่ ณ กรุงเทพมหานคร

 

UNEP มีกลไกการประสานงานกับประเทศสมาชิกผ่านส่วนงาน (division) สำนักงานระดับภูมิภาค (regional office)ผู้ประสานงาน (liaison) รวมถึงเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศในการทำงานร่วมกับ UNEP โดยส่วนงาน (division) ของ UNEP มีดังนี้

  • ฝ่ายประสานงาน (Communication Division) พัฒนาและประสานงานกับภาครัฐ ประชาชนทั่วไป สื่อประชาสัมพันธ์และหุ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้สาธารณชน รวมถึงเยาวชน ร่วมแก้ปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม
  • ฝ่ายบริการองค์กร (Corporate Services Division) ปกป้องผลประโยชน์ของ UNEPโดยจัดหาเครื่องมือและแผนการจัดการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและโดยการจัดการความเสี่ยง ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมหลักขององค์การสหประชาชาติตลอดจนกฎระเบียบข้อบังคับและข้อกำหนดด้านความรับผิดชอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • ฝ่ายเศรษฐกิจ(Economy Division) นำเสนอแนวทางให้กับผู้กำหนดนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ และช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเสนอแพลตฟอร์มสำหรับการหารือและความร่วมมือ นำเสนอทางเลือกนโยบายเชิงนวัตกรรม โครงการนำร่อง และกลไกตลาดที่สร้างสรรค์โดยทำงานใน 3สาขาหลักได้แก่สารเคมีและสุขภาพ พลังงานและสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรและการตลาด
  • ฝ่ายระบบนิเวศ (Ecosystems Division) สนับสนุนประเทศสมาชิกในการอนุรักษ์การฟื้นฟูและการจัดกับระบบนิเวศทางบก น้ำจืดและทางทะเลเนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพเป็นแหล่งผลิตและแหล่งบริการที่สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ นอกจากนี้ยังช่วยประเทศสมาชิกในการลดมลพิษจากกิจกรรมบนบกลงสู่ทะเล การเพิ่มความต้านทานต ่อการเปลี่ยนแปลสภาพภูมิอากาศ และการสะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างความยากจนและสิ่งแวดล้อมในการวางแผนการพัฒนา
  • Governance Affairs Office สนับสนุนประเทศสมาชิก กลุ่มหลักและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาคเอกชน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการทำงานของ UNEP นอกจากนี้ยังช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ UNEPในการจัดประชุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • ฝ่ายกฎหมาย (Law Division) พัฒนากฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างก้าวหน้าโดยส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถความโปร่งใสและความรับผิดชอบในฝ่ายตุลาการ ทำงานร่วมกับประเทศต่าง ๆ เพื่อต่อต้านอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ และปกป้องสิ่งแวดล้อม
  • ฝ่ายนโยบายและโปรแกรม (Policy and Programme Division) รวบรวมนโยบาย โครงการ ตลอดจนการมีส่วนร่วมกับระบบของสหประชาชาติและกระบวนการสำคัญระดับโลก สร้างความสอดคล้องและการประสานงานในระดับกลยุทธ์นโยบายและโปรแกรม
  • ฝ่ายวิทยาศาสตร์ (Science Division) ประเมินสิ่งแวดล้อมเพื่อการตัดสินใจและการวางแผนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตรวจสอบวิเคราะห์และรายงานเกี่ยวกับสถานะของสิ่งแวดล้อมโลก ประเมินนโยบาย และแนวโน้มภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นล่วงหน้าเป็นส่วนหลักในการตรวจสอบรายงานของสหประชาชาติเกี่ยวกับมิติด้านสิ่งแวดล้อม

 

ความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)

โครงการ Integration of Natural Capital Accounting in Public and Private Sector Policy and Decision-making for Sustainable Landscapes (NCA) ภายใต้ GEF-6

  สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการดำเนินการที่เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพร่วมกับ UNEP โดยปัจจุบันมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับโครงการฯ (Steering Committee) และประชุมคณะกรรมการกำกับโครงการฯ เพื่อให้ความเห็นชอบต่อกรอบแนวคิดการจัดทำบัญชีต้นทุนธรรมชาติ (ภาคการท่องเที่ยวและภาคทรัพยากรน้ำ) ของประเทศแล้ว และมีการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านเทคนิคและการขับเคลื่อนการทำบัญชีต้นทุนธรรมชาติโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน NCA ระดับนานาชาติ

 

โครงการประเมินระบบนิเวศระดับชาติ (National Ecosystem Assessment)

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับ United Nations Environmental Program - World Conservation Monitoring Center (UNEP - WCMC) ร่วมกันดำเนินการ

การประชุมโครงการประเมินระบบนิเวศระดับชาติ (National Ecosystem Assessment) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ผ่านระบบทางไกล จัดโดยหน่วยดำเนินการโครงการฯ (สหสาขาวิชาการบริหารกิจการทางทะเล บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เพื่อนำเสนอความเป็นมาของโครงการฯ และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินระบบนิเวศโดยเฉพาะระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีประเด็นสำคัญที่นำเสนอ ดังนี้

1. สถานภาพ แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพและบริการจากระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่สนับสนุนประโยชน์ของธรรมชาติที่มีต่อมนุษย์

2. ปัจจัยคุกคามทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความหลากหลายทางชีวภาพและบริการจากระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย

3. เศรษฐกิจ สังคมและสวัสดิภาพของมนุษย์ที่เชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพและบริการจากระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย

4. ความรู้พื้นบ้านและประสบการณ์ท้องถิ่นที่จะสนับสนุนทางเลือกเชิงนโยบายด้านความหลากหลายทางชีวภาพและบริการจากระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทยทางเลือกเชิงนโยบาย ระบบบริหารจัดการและการจัดโครงสร้างองค์กรที่สนับสนุนจัดการความหลากหลายทางชีวภาพและบริการจากระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของประเทศไทย

 

ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดตั้งกรรมการกำกับโครงการเพื่อให้ข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นต่อการดำเนินโครงการฯ และอยู่ระหว่างการยกร่างฯ คำสั่งกรรมการกำกับโครงการฯ

 

ความร่วมมือ Climate and Clean Air Coalition (CCAC)

โครงการ National Action & Planning to reduce Short-Lived Climate Pollutant (SNAP)

กรมควบคุมมลพิษร่วมกับ Stockholm Environment Institute (SEI) และ Institute for Global Environmental Strategies (IGES) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินมลสาร short-lived climate pollutants (SLCPs) ก๊าซเรือนกระจก และฝุ่นละออง PM2.5 เน้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร และภาคเหนือตอนบน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจํานวน 114,030 ดอลลาร์สหรัฐ และมีระยะเวลาดําเนินโครงการ 1 ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับแก้รายงานการศึกษาของโครงการ โดยได้รับฟังข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และดําเนินการสรุปผลการดําเนินงานโครงการ รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนําผลการดําเนินโครงการขยายผลต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นชอบให้กรมควบคุมมลพิษเข้าร่วมเป็น CCAC Board เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 – เดือนกุมภาพันธ์ 2568

 

โครงการเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (Acid Deposition Monitoring Network in East Asia: EANET)

กิจกรรมการศึกษาวิจัยของ EANET โดยศูนย์เครือข่าย EANET มีการศึกษาเพื่อสังเกตการณ์องค์ประกอบและแหล่งที่มาของ PM2.5 ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ดังนี้

1. โครงการศึกษามลพิษทางอากาศในเขตเมืองของเอเชีย ดําเนินการโดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และ คพ.ระหว่างปี 2558 –2560

2. โครงการความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น ด้านการจัดการคุณภาพอากาศ (JTCAP)

เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยการศึกษาองค์ประกอบและแหล่งกําเนิดของ PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ

 

 

ฐานข้อมูลการดำเนินความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP)

 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง