ภูมิภาคอาเซียน

ภูมิภาคอาเซียน

การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖ (6th Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM-6) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง

542 13 ธ.ค. 2567

การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖ 
(6th Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM-6) และการประชุมอื่น  ที่เกี่ยวข้อง

 

 

รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี มีบัญชาอนุมัติองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศ
อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖ (6th Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM-6) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดย รมว.ทส. มอบหมาย ปกท.ทส. เป็นหัวหน้าคณะ และ ปกท.ทส. มอบหมาย
รอง ปกท.ทส. (นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว รายละเอียดตามเรื่องเดิมที่แนบ ในการนี้ ขอนำเรียนสรุปผลการประชุมดังนี้

ผู้เข้าร่วมประชุม: ผู้แทนรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประเทศไทย
และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมถึงธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) พร้อมด้วยคณะผู้แทนไทยจากหน่วยงาน สผ. คพ. อส. สส. อบก. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม

วัตถุประสงค์การประชุม: เพื่อให้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงร่วมกันแลกเปลี่ยนนโยบายและหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาค รวมถึงรับรองเอกสารผลลัพธ์
การประชุมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

สรุปผลการประชุม:

                      ๑. การประชุมเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ Climate Actions and Environmental Sustainability in the GMS ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๑ กันยายน ๒๕๖๗ เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การสร้างความแข็งแกร่งต่อสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ (๒) การส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำ (๓) การส่งเสริมภูมิทัศน์อัจฉริยะด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate-Smart Landscapes) (๔) การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม (๕) การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และ (๖) เครื่องมือทางการเงินเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ โดยที่ประชุมเห็นว่าอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงควรบูรณาการการดำเนินงานในประเด็นดังกล่าวร่วมกัน รวมถึงจัดทำกฎหมาย นโยบาย และแผนงานระดับอนุภูมิภาค เพื่อสร้างความเชื่อมโยงและขับเคลื่อนให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สามารถรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยการแบ่งปันข้อมูลแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เทคโนโลยี และแนวปฏิบัติที่ดี รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และองค์การระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ที่ประชุมมีข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาค อาทิ ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เป็นมิตรและสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศ การใช้เครื่องมือทางการเงินในการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ และพัฒนานโยบายที่เอื้อต่อการลงทุน รวมถึงสร้างเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้และความร่วมมือ เพื่อพัฒนาศักยภาพของทุกภาคส่วนในการมีส่วนร่วมสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

                   ๒. การประชุมประจำปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๒๘ ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ มีสรุปผลการประชุมดังนี้

                       ๒.๑  H.E. PAK Sokharavuth ตำแหน่ง Undersecretary of State กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวต้อนรับ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในการเป็นผู้นำปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาค รวมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันของประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหามลพิษจากพลาสติกทั้งบนบกและในทะเล ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และระบบนิเวศ รวมถึง
การส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน เพื่อความยั่งยืนของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

                       ๒.๒  ที่ประชุมหารือข้อสรุปเอกสารผลลัพธ์การประชุม GMS EMM-6 จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้

                             (๑) GMS 2030 Strategic Framework for Accelerating Climate Action and Environmental Sustainability เป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการเตรียมความพร้อมในการรับมือ
ต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการยกระดับความร่วมมือระดับภูมิภาค การเสริมสร้างขีดความสามารถ และสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่นำไปสู่
การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยครอบคลุมการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้ (๑) Climate and Disaster Resilience and Loss and Damage Funds (๒) Net-Zero Transition and Climate Change Mitigation (๓) Pollution Control and Circular Economy และ (๔) Nature-based Solutions รวมถึงประเด็น Cross-Cutting Issues ได้แก่ การมีส่วนร่วมของเพศสภาพ เยาวชน และสังคมเทคโนโลยีดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมกลไกทางการเงิน และการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน (เอกสารแนบ ๑) โดยประเทศไทยสนับสนุนในหลักการต่อเอกสารดังกล่าว แต่เนื่องด้วยจำเป็นต้องให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ให้ความเห็นชอบก่อนให้การรับรอง ซึ่งจะแจ้งให้ประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและ ADB ทราบการรับรองอย่างเป็นทางการต่อไป

(๒) แถลงการณ์ร่วมกรุงพนมเปญว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากพลาสติกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Phnom Penh Joint Statement on Prevention of Plastic Pollution in the Greater Mekong Subregion (GMS)) เป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและความตระหนักของประเทศสมาชิกในการร่วมมือกันลดขยะพลาสติก และส่งเสริมการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนานโยบาย แบ่งปันแนวปฏิบัติ ที่เป็นเลิศ และระดมทรัพยากรเพื่อป้องกันมลภาวะจากพลาสติกทั้งบนบกและในทะเล ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสุขภาพของมนุษย์ทั่วโลก รวมทั้งแสดงออกถึงการดำเนินงานเชิงรุกและการทำงานร่วมกันของประเทศสมาชิก (เอกสารแนบ ๒) โดยประเทศไทยสนับสนุนในหลักการต่อแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว แต่เนื่องด้วยจำเป็นต้องให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ให้ความเห็นชอบก่อนให้การรับรอง ซึ่งจะแจ้งให้ประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
และ ADB ทราบการรับรองอย่างเป็นทางการต่อไป

                       ๒.๓  ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และหารือถึงความท้าทายในการจัดการขยะในชนบทและมลพิษทางน้ำ โดยมีข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้ (๑) ส่งเสริมนวัตกรรมสำหรับการบริหารจัดการขยะแบบบูรณาการในพื้นที่ชนบทและเขตเมือง (๒) ส่งเสริมทางเลือกที่ยั่งยืนเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติก (๓) ส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการแบ่งปันความรู้ในการบริหารจัดการขยะและเศรษฐกิจหมุนเวียน (๔) การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย
ในการประชาสัมพันธ์และพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม และ (๕) ส่งเสริมความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืน

                       ๒.๔  ที่ประชุมหารือการใช้กลไกและเครื่องมือทางการเงินในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงโดยมีประเด็นท้าทายสำคัญในการระดมเงินทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการปล่อยคาร์บอนต่ำ โดยมีข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้ (๑) การใช้กลไกและเครื่องมือทางการเงินที่กำหนดเป้าหมายชัดเจนในการรับมือกับความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ (๒) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน และหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการใช้กลไกและเครื่องมือทางการเงินอย่างสร้างสรรค์ และ (๓) การสาธิตกลไกและเครื่องมือทางการเงิน
ในระดับจังหวัด เมืองและชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการรับมือกับความเสี่ยงต่อสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ                  

                ๓. การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖(GMS EMM-6) เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ มีสรุปผลการประชุมดังนี้

                       ๓.๑  H.E. Dr. EANG Sophallet รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวเปิดการประชุม โดยเน้นย้ำถึงความพยายามร่วมกันเพื่อสร้างอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สะอาด และยั่งยืนสำหรับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยอาศัยความร่วมมือของอนุภูมิภาคเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เผชิญในปัจจุบัน พร้อมทั้งเชิญชวนภาคีเครือข่ายร่วมกันสนับสนุนการดำเนินงานและแบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาค

                       ๓.๒     นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รอง ปกท.ทส. หัวหน้าคณะผู้แทนไทย กล่าวถ้อยแถลง เน้นย้ำถึงความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพขยะพลาสติกและขยะทะเล พร้อมทั้งเสนอให้ ADB สนับสนุนทั้งด้านงบประมาณและความช่วยเหลือทางวิชาการรวมถึงเทคโนโลยี นวัตกรรม และกลไกทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเร่งการดำเนินงานที่เติบโตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ เพื่อความยั่งยืนของอนุภูมิภาค

                       ๓.๓  H.E. Mr. Phouvong Luangxaysana ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชื่นชมความสำเร็จของการดำเนินงานร่วมกันของประเทศสมาชิกที่ผ่านมา ในการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาค และเห็นว่ากรอบยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ ตระหนักถึงความสำคัญของประเด็น Cross-Cutting Issues จึงควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล และกลไกทางการเงิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอนุภูมิภาคในการตอบสนองต่อประเด็นท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมแนวปฏิบัติของเศรษฐกิจหมุนเวียนในอนุภูมิภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

                       ๓.๔  H.E. Mr. Le Cong Thanh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เน้นย้ำถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ประเทศสมาชิกเผชิญร่วมกัน อาทิ ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในทุกมิติของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ดังนั้นการขับเคลื่อนกรอบยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ จึงจำเป็นต้องสนับสนุนการเสริมสร้างความร่วมมือ การมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน และการแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อจัดการกับความท้าทายดังกล่าวของอนุภูมิภาค โดยการสนับสนุนจาก ADB และหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาต่าง ๆ

                       ๓.๕  H.E. Mr. Zhao Yingmin ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เน้นย้ำการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการในการพัฒนาและการเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเห็นว่าการดำเนินงานภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ ควรมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนุภูมิภาคเป็นลำดับต้น รวมทั้ง ส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือระหว่าง GMS และกรอบความร่วมมืออื่น เช่น กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

                            ๓.๖ H.E. Mr. Min Thu รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือ
ในอนุภูมิภาค เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของแต่ละประเทศ โดยเห็นว่าการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและการสนับสนุนจาก ADB จะช่วยกระตุ้นและยกระดับการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
ของอนุภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน รวมถึงการส่งเสริมการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยผลักดันให้ประเทศสมาชิกสามารถบรรลุเป้าหมาย
การพัฒนาที่ยั่งยืน

                          ๓.๗ ที่ประชุมสนับสนุนในหลักการต่อการจัดทำร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖ ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมบทบาทเชิงรุกของคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในการสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกับ ADB และหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา เพื่อบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม (เอกสารแนบ ๓) โดยประเทศไทยสนับสนุนในหลักการต่อร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวแต่เนื่องด้วยจำเป็นต้องให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ให้ความเห็นชอบก่อนให้การรับรอง ซึ่งจะแจ้งให้ประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและ ADB ทราบการรับรองอย่างเป็นทางการต่อไป

สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป

                             การนำเอกสารผลลัพธ์การประชุม GMS EMM-6 จำนวน ๓ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) GMS 2030 Strategic Framework for Accelerating Climate Action and Environmental Sustainability (๒) แถลงการณ์ร่วมกรุงพนมเปญว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากพลาสติกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และ (๓) แถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๖ เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนให้การรับรอง และเอกสารผลลัพธ์การประชุมทั้ง ๓ ฉบับ จะรายงานต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ ครั้งที่ 8 (The 8th GMS Summit) ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ ๖ - ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เพื่อรับทราบต่อไป 

 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง