ฐานข้อมูลกองการต่างประเทศ

รางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน
ASEAN Environmentally Sustainable Cities Award (ASEAN ESC Award)

 

              รางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน (ASEAN Environmentally Sustainable Cities Award: ASEAN ESC Award) เป็นการดำเนินงานตาม “แผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน พ.ศ. 2568” (ASEAN Socio - Cultural Blueprint: ASCC Blueprint 2025) ซึ่งเป็นแผนงานที่มุ่งเน้นให้ประเทศสมาชิกอาเซียนใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านกิจกรรมความร่วมมือที่ให้ความสำคัญกับประชาชน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เน้นภารกิจสิ่งแวดล้อมและมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน อยู่ภายใต้หัวข้อ (C) ความยั่งยืน (Sustainable) หัวข้อย่อย (C2) เมืองยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Environmentally Sustainable Cities) โดยคณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืนมีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น การจัดทำกรอบการดำเนินงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน การพัฒนาตัวชี้วัด สิ่งแวดล้อมด้านอากาศ (Clean Air) น้ำ (Clean Water) และขยะและพื้นที่สีเขียว (Clean Land) โดยมีรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน (ASEAN Environmentally Sustainable Cities Award: ASEAN ESC Award) เป็นมาตรการจูงใจกระตุ้นให้เมืองมีการดำเนินงานเพื่อนำไปสู่สิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืนอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐานสากล โดยกำหนดรางวัลฯ เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเสนอโดยประเทศ และประเภทแข่งขัน รวมทั้งกำหนดขนาดของเมืองที่จะเสนอเข้ารับรางวัลตามจำนวนประชากร ได้แก่ เมืองขนาดเล็ก (จำนวนประชากร 20,000 - 750,000 คน) และเมืองขนาดใหญ่ (จำนวนประชากร 750,000 - 1,500,000 คน) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยประสานงานกลางของประเทศไทย (National Focal Point) ของคณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน (ASEAN Working Group on Environmentally Sustainable Cities: AWGESC) ได้ดำเนินการโครงการ ASEAN ESC Award โดยพิจารณาคัดเลือกและนำเสนอเมืองที่เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้ารับรางวัลร่วมกับเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551

 

เมืองในประเทศไทย    ได้รับรางวัลฯ มีรายละเอียด ดังนี้

 

 

 

 

ที่มา: