คณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง (AWGCME)

810 7 เม.ย. 2566

คณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง
(ASEAN Working Group on Coastal and Marine Environment: AWGCME)

 

 

  บทนำ:

            อาเซียนมีแนวปะการังที่กว้างขวางและหลากหลายมากที่สุดในโลก มากกว่าร้อยละ 28 ของทั่วโลก (เกือบ 70,000 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยแนวปะการัง มูลค่าของบริการระบบนิเวศจากแนวปะการังโดยประมาณต่อปีอยู่ที่ 112.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ป่าชายเลนมีมูลค่า 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การผลิตประมงจากทะเลในภูมิภาคเป็นองค์ประกอบที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีสาธารณรัฐอินโดนีเซียเป็นผู้นำการผลิต รองลงมาคือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ แต่ทรัพยากรดังกล่าวกำลังถูกคุกคามจากหลายปัจจัย อาทิ การทำประมงเกินขนาด การทำประมงแบบทำลายล้าง มลพิษจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น เศษขยะในทะเลและการรั่วไหลของน้ำมัน การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบในทางลบต่อทรัพยากรชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ และเป็นแหล่งสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญให้กับชุมชนต่างๆ ในอาเซียน

 

            ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมด ยกเว้นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นประเทศในอาเซียนที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล กำลังเผชิญกับ ความท้าทายหลายประการในการจัดการและปกป้องสิ่งแวดล้อมชายฝั่งและทะเล โดยความท้าทายหลัก คือ

            (1) ความเสื่อมโทรมของแหล่งที่อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่ง

            (2) ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

            (3) การเพิ่มขึ้นของมลพิษบริเวณชายฝั่งและทะเลอันมีสาเหตุมาจากการเกิด Eutrophication การเพิ่มขึ้นของสารอาหารในทะเล และขยะทะเล เป็นต้น

            (4) การปล่อยตะกอนอย่างผิดกฎหมายและการกำจัดกากตะกอนจากเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลและการรั่วไหลของน้ำมัน

            (5) ผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

            (6) การบริหารจัดการและการกำกับดูแลที่ไม่มีประสิทธิภาพ

 

            สายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ที่มีความสำคัญทางการค้าหลายชนิดที่จับได้ในภูมิภาค กำลังตกอยู่ในอันตรายจากการถูกทำลายเนื่องจากการประมงเกินขนาด ซึ่งนำไปสู่การเสื่อมโทรมของความหลากหลายทางชีวภาพชายฝั่งและทะเลของภูมิภาค และคุกคามความมั่นคงทางอาหาร ปัญหามลพิษจากขยะในทะเลได้รับความสนใจไปทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ด้วยอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 0.14°C ถึง 0.20°C ต่อทศวรรษ ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อผลผลิตของชายฝั่งและมหาสมุทร ตลอดจนส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัยบริเวณชายฝั่ง บางประเทศในอาเซียนได้กำหนดมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรชายฝั่งและทะเล เช่น การออกใบอนุญาตสำหรับการประมง การตัดไม้ และการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่าชายเลน อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพ สาเหตุหลักมาจากความล้มเหลวในการบังคับใช้และขาดการสนับสนุนจากชุมชนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การสร้างความตระหนักต่อความสำคัญของทรัพยากรชายฝั่งและทะเลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอาเซียน ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคอาเซียน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องหารือ ประสานงาน และแก้ไขปัญหาความท้าทายที่สำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมชายฝั่งและทะเล เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งในอาเซียนได้รับการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน

 

            ในระดับโลก ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2554-2563 และเป้าหมายความหลากหลายทางชีวภาพไอจิของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD) อย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 14 (Life Below Water) ซึ่งส่งเสริมการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอาเซียนที่จะต้องให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายใน ASCC Blueprint 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการอนุรักษ์และการจัดการอย่างยั่งยืนของความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรธรรมชาติ

 

            แผนยุทธศาสตร์อาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม (ASEAN Strategic Plan on Environment: ASPEN) ได้คาดการณ์ล่วงหน้า 10 ปี เพื่อส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือและทำงานร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อจัดการความท้าทายและแก้ไขปัญหาที่สำคัญในการจัดการและปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง โดยจะมุ่งเน้นไปที่แผนงาน 7 ด้าน ได้แก่

            (1) การอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลที่สำคัญ

            (2) การอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทะเลและชายฝั่งที่ใกล้สูญพันธุ์ (Endangered species)

            (3) การแก้ไขปัญหาตะกอนจากเรือบรรทุกน้ำมันและการรั่วไหลของน้ำมัน

            (4) การลดมลพิษชายฝั่งทะเล

            (5) ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานทางน้ำ

            (6) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบในพื้นที่ชายฝั่งทะเล

            (7) การจัดการชายฝั่งแบบบูรณาการและการวางแผนบริหารจัดการพื้นที่ทางทะเล

 

  ความสำเร็จ:

เพื่อช่วยปกป้องน่านน้ำที่ใช้ร่วมกันในภูมิภาค อาเซียนได้รับรองแผนงานดังต่อไปนี้ :

            1. เกณฑ์คุณภาพน้ำทะเลของอาเซียน (AMWQC) และเกณฑ์สำหรับพื้นที่มรดกทางทะเลในปี พ.ศ. 2545 โดยได้กำหนดตัวชี้วัด 17 รายการ เกี่ยวกับคุณภาพน้ำทะเลทั่วไปสำหรับการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสุขภาพของมนุษย์

            2. เกณฑ์คุณภาพน้ำทะเลของอาเซียน: แนวทางการจัดการและคู่มือการติดตามในปี พ.ศ. 2551

            3. กลไกอาเซียนเพื่อเพิ่มการเฝ้าระวังต่อต้านการขจัดตะกอนและการกำจัดกากตะกอนจากเรือบรรทุกน้ำมันในทะเลที่ได้รับการรับรองโดยรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม (AMME) ครั้งที่ 11 เมื่อปี พ.ศ. 2552 เพื่อให้แน่ใจว่ามีความพยายามในการประสานงานระหว่างสมาชิกอาเซียนในการควบคุมกิจกรรมการขจัดกากตะกอนของเรือบรรทุกสินค้า และส่งเสริมการกำจัดกากตะกอนของเรือบรรทุกสินค้าอย่างเหมาะสม ณ สถานที่กำจัดที่ได้รับอนุมัติ

            4. เอกสารสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในอาเซียน ซึ่งจัดทำโดยศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (ACB) สำหรับเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับผู้กำหนดนโยบาย นักวางแผน นักวิชาการ และผู้จัดการอุทยานเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่คุ้มครองทางทะเล เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และปกป้องชายฝั่งทะเล และทรัพยากรในภูมิภาค นอกจากนี้ AWGCME ดำเนินการพัฒนา interface ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์สำหรับการเข้าถึงฐานข้อมูลชนิดพันธุ์และพื้นที่คุ้มครองของประเทศสมาชิกอาเซียน

            5. ดำเนินโครงการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-เกาหลี (AKECOP) ระยะที่ 6 หัวข้อการฟื้นฟูระบบนิเวศบนบกและป่าชายเลนที่เสื่อมโทรมและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนความร่วมมือพิเศษอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกอาเซียนในการจัดการระบบนิเวศป่าไม้และป่าชายเลน โดยการจัดหาวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในรูปแบบคาร์บอนต่ำให้กับประชาชน ในขณะเดียวกันก็ฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมและบำรุงรักษามวลชีวภาพของไม้เพื่อนำไปสู่การลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาค

            6. หลักสูตร ASEAN-ROK เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อม การตอบสนอง และความร่วมมือด้านมลพิษน้ำมันสำหรับผู้เผชิญเหตุระดับ 1 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-18 มีนาคม 2559 ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากกองทุนความร่วมมือพิเศษอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (SCF) การฝึกอบรมผู้ควบคุมฉาก/ผู้ควบคุมเหตุการณ์ (ระดับ 2) เรื่องการตอบสนองการรั่วไหลของน้ำมัน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2559 ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี

 

 วัตถุประสงค์:

            1. เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเลของอาเซียนได้รับการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน ระบบนิเวศที่เป็นตัวแทน พื้นที่ทางทะเล และสายพันธุ์ได้รับการคุ้มครอง รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้รับการจัดการอย่างยั่งยืน และปลูกฝังจิตสำนึกของสาธารณชนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมชายฝั่งและทะเล

            2. อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเลที่สะอาดและส่งผลดีต่อสุขภาพ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียนโดยการลดภัยคุกคามที่เกิดจากมนุษย์ต่อระบบนิเวศทะเลและชายฝั่ง

            3. เพื่อยกระดับการประสานงานระหว่างหน่วยงานและระหว่างภาคส่วนในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เพื่อบรรลุการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และตอบสนองต่อปัญหาข้ามพรมแดนผ่านการเสริมสร้างนโยบายและแนวปฏิบัติด้านการบริหารจัดการที่ดี

 

  วิธีการดำเนินการ:

            คณะทำงานอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมชายฝั่งและทะเล (ASEAN Working Group on Coastal and Marine Environment: AWGCME) จะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินโครงการและกิจกรรมของพื้นที่ที่มีความสำคัญ โดยประสานงานกับศูนย์อาเซียนเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ (ACB) และคณะทำงานอาเซียนด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ (AWGNCB) ตลอดจนคณะทำงานและหน่วยงานภาคส่วนอื่นๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านการเกษตร การขนส่ง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเล ทั้งนี้ AWGCME จะดูแลประเด็นการวางแผนด้านเทคนิค และการนำไปปฏิบัติภายใต้ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์นี้ ในขณะที่รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนและเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมจะเป็นผู้กำหนดนโยบายและแนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับการทำงาน โดยประเทศผู้นำของแต่ละโครงการ/กิจกรรมจะพัฒนาข้อเสนอแผนการดำเนินงานโดยละเอียด และประสานงานประเทศสมาชิกอาเซียนและสำนักเลขาธิการอาเซียน

 

  พันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย:

            กิจกรรมภายใต้ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์นี้สามารถดำเนินการผ่านความร่วมมือระดับภูมิภาคกับองค์กรที่ทำงานด้านการจัดการชายฝั่งและทะเล พันธมิตรหรือแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพ ได้แก่ UN Environment-Coordinating Body on the Seas of East Asia (COBSEA), Partnerships in Environmental Management for the Seas of East Asia (PEMSEA), Coral Triangle Initiative-Coral Reefs, Fisheries and Food Security (CTI-CFF), ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAFDEC) สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) อนุสัญญาแรมซาร์ และองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)

            กิจกรรมสามารถดำเนินการผ่านความร่วมมือและการสนับสนุนจากคู่เจรจาของอาเซียน / หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา อาทิ กลุ่มประเทศคู่เจรจาบวกสาม (สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) และสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงองค์กรอื่นๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางทะเล การอนุรักษ์ และการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนในภูมิภาค หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นและผู้มีบทบาทภาคเอกชน อาจได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการปรึกษาหารือที่เกี่ยวข้องหรือการประชุมเชิงปฏิบัติการแบ่งปันความรู้ หรือสนับสนุนกิจกรรมของ AWGCME